ชาวบ้านร้องฝุ่นผงซีเมนต์จากโรงงานลอยฟุ้งกระจายเข้ามาในบ้านร้องไปที่ไหนก็เงียบจนล้มป่วยเป็นโรคภูมิแพ้  

    

เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ความเดือดร้อน ฝุ่นผงซีเมนต์จากโรงงานตั้งอยู่ข้างบ้าน ลอยฟุ้งเข้ามาในบ้าน และฟุ้งกระจายออกไปยังถนน รถที่สัญจรไปมาแทบจะมองไม่เห็นทาง เสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ บนถนนสายหนองบัวลำภู – นากลาง สาย 210  กลัวจะเป็นมะเร็งปอดตายกันทั้งบ้าน วอนหน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยมาตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้ด้วย

      ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของ นางขนิษฐา พิลาวัลย์ อายุ  53 ปี อยู่ที่ 207 ม.1 บ้านหนองภัยศูนย์ ต.หนองภัยศูนย์ อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ได้เล่าให้ฟังว่า ได้รับผลกระทบจากฝุ่นปูนของโรงงาน บ้านของตนอยู่ติดกับโรงปูน ซึ่งตนมีอาการป่วยเป็นโรคหอบหืดมา 4-5 ปีแล้ว ซึ่งคาดว่าเป็นผลกระทบจากการสูดดมฝุ่นปูนเข้าไป เพราะเมื่อมีรถมาลงปูนที่โรงงานปูน ก็ปล่อยฝุ่นออกมาเป็นจำนวนมาก เกาะตามบ้าน และถนน ขณะเดียวกันเมื่อรถยนต์แล่นสัญจรที่ถนนหน้าบ้าน

ก็ยิ่งพัดฝุ่นให้ฟุ้งกระจายเข้าไปอีก ตนที่สูดดมอาการก็ยิ่งทรุดลง ตลอดเวลาที่ผ่านมาตนก็ไปหาหมอ และนำยามาพ่น แก้อาการหอบหืดอยู่ตลอด แต่มันก็ไม่หายถาวร บางครั้งหายใจไม่ออกญาติต้องรีบนำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลก็เคยมี ถ้าตราบใดยังสูดดมฝุ่นจากโรงปูนอยู่อย่างนี้ ขณะเดียวกันเพื่อนบ้านก็เริ่มมีอาการหอบหืดกันหลายคนแล้ว คาดว่าเป็นผลจากการสูดดมฝุ่นจากโรงปูนเช่นกัน

     โดยนายอัมพร เดชน้อย อายุ 68 ปี บ้านอยู่ใกล้ๆกับโรงปูนก็ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักมาเกือบ 10 ปี พาผู้สื่อข่าวชี้ดูฝุ่นผงซีเมนต์ ที่ยังหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่ใช้แต่เพียงบ้านตนเองเท่านั้น เพื่อนบ้านอีกหลายสิบหลังคาเรือนบริเวณใกล้กันก็โดนไปด้วย บางบ้านถึงกับไปอาศัยที่อื่นก่อน ขณะนี้คนในครอบครัวเริ่มได้รับผลกระทบจากมลพิษทางฝุ่น มลพิษทางเสียง ทุกวันที่บริษัทเริ่มเดินเครื่องทำงาน ทุกคนต้องเข้าไปอยู่ภายในบ้าน พักผ่อนในบ้าน กินอาหารในบ้าน เวลาเลิกงาน

และวันหยุดของโรงงานปูนถือว่าเป็นวันที่ดีที่สุดของชาวบ้านละแวกนี้ และบริเวณใกล้ๆกันยังมีโรงเรียนที่อยู่ห่างจากโรงปูนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน  กวาดบ้านถูบ้านกันวันละ 10 รอบก็ยังไม่สะอาด จนต้องปล่อยเลยตามเลย ตามภาพที่เห็น จึงอยากร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนช่วยเป็นสื่อกลางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงมาแก้ไขและช่วยเหลือด้วย ขณะนี้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ละแวกนี้ต้องทนทุกข์ทรมานมาเกือบ 10 ปีแล้ว.

#ภาพ/ข่าวและเนื้อหานี้ เป็นการใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่องานประชาสัมพันธ์ ไม่แสวงหาผลกำไรในทางการค้า