หนองบัวลำภูทำลายอาวุธปืนของกลางที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้วและขยายผลกวาดล้างแหล่งผลิต  

    

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู ได้มีการเปิดแถลงข่าว และทำการทำลายอาวุธปืน ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าห้ามมีไว้ในครอบครอง โดยพล.ต.ต พงพิพัฒน์ ศิริพรวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภูได้กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีนโยบายและเร่งรัดให้ทำลายอาวุธปืนของกลางที่ศาลมีคำพิพากษาให้ริบตกเป็นของแผ่นดิน ให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 30 กันยายนของทุกปีนั้น ตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู ได้สำรวจอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ที่ไม่มีทะเบียน และศาลจังหวัดหนองบัวลำภูมีคำพิพากษาให้ริบตกเป็นของแผ่นดิน โดยได้จัดทำบัญชีรวมไปถึงแต่งตั้งคณะกรรมการทำลายอาวุธปืนดังกล่าว รวมทั้งหมด จำนวน 376 กระบอก โดยแยกตามประเภท เป็นอาวุธปืนยาว (ไทยประดิษฐ์) จำนวน 290 กระบอก เป็นอาวุธปืนสั้น (ไทยประดิษฐ์)จำนวน 69 กระบอก เป็นอาวุธปืนยาว ขนาด .22 จำนวน 14 กระบอก เป็นอาวุธปืนลูกซองสั้น จำนวน 3 กระบอก

    โดยการทำลายอาวุธปืนของกลางครั้งนี้ได้มีสักขีพยานจากหลายหน่วยงานโดยนายสุวิทย์ จันทร์หวร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู มอบหมายให้ นายพิสิษฐ์ชัย อภัยปิยกุล ปลัดจังหวัดหนองบัวลำภู ร่วมเป็นสักขีพยาน รวมไปถึงผู้แทนหลายฝ่าย เช่น ฝ่ายอัยการจังหวัดหนองบัวลำภู ,ฝ่าย กอ.รมน.จังหวัดหนองบัวลำภู ,ฝ่ายสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลำภู ,ฝ่ายเรือนจำจังหวัดหนองบัวลำภู ,ฝ่ายปกครองจังหวัดหนองบัวลำภู ,ฝ่ายเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู ,ฝ่ายองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองบัวลำภู,ฝ่ายคุมประพฤติจังหวัดหนองบัวลำภู ,ฝ่ายพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสถานีตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการทำลายของกลางครั้งนี้

       และได้รับการสนับสนุนรถบดถนน และรถแบคโฮที่มาเพื่อใช้ทำลายจาก อบจ.หนองบัวลำภู โดยครั้งนี้ใช้รถบดถนนจำนวนถึง 2 คัน โดยหลังจากพิธีแถลงข่าวเสร็จแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็นำอาวุธปืนของกลางมาเรียงเป็น 2 แถวเพื่อให้รถบดถนน 2คันขับบดไปบริเวณลำกล้องปืน และส่วนอื่นๆเพื่อไม่ให้สามารถใช้การได้อีก หลังจากบดเรียบร้อยแล้วก็ได้ขนย้ายไปขุดหลุมฝั่ง โดยใช้รถแบคโฮ ทำการขุดหลุมกว้าง 2 เมตร ยาว 5 เมตร ลึก 6 เมตร และยังมีการเผาทำลายซ้ำก่อนกลบฝั่งอีกด้วย

     ตามโครงการจังหวัดหนองบัวลำภูต้นแบบสีขาว ระยะที่ 3 ตามที่ ตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู ได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงาน ส่วนราชการ ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ดำเนินการค้นหาผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด ตามแนวทางของกระบวนการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ “หนองบัวลำภูต้นแบบจังหวัดสีขาว ปลอดยาเสพติด” ซึ่งได้ดำเนินการค้นหาในหมู่บ้าน ชุมชนแล้ว จำนวน 173 เป้าหมายแล้ว โดยคิดเป็นร้อยละ 25.15 จากจำนวนหมู่บ้าน ชุมชนทั้งหมด และยังได้ค้นพบผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด จำนวน 1,526 คน เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จของยุทธศาสตร์ดังกล่าว ตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู จึงดำเนินโครงการจังหวัดหนองบัวลำภูต้นแบบสีขาว ระยะที่ 3 ขึ้น โดยมีเป้าหมายค้นหาผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติด ยาเสพติด ในหมู่บ้าน ชุมชน อีกจำนวน 65 ชุมชน มีกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 41,992 คน ในทุกพื้นที่ 6 อำเภอ ของจังหวัดหนองบัวลำภู สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 4 โดย นายภิญโญ โฆสิต ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 4 จึงได้สนับสนุนชุดทดสอบสารเสพติดเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ จํานวน 30,120 ชุด โดยจะส่งมอบให้แก่ หัวหน้าสถานีตำรวจภูธร ในสังกัด ตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อนำไปใช้ในโครงการจังหวัดหนองบัวลำภูต้นแบบสีขาว ระยะที่ 3 ต่อไป

     โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ขับเคลื่อนตามนโยบายดังกล่าว สั่งการหน่วยระดมกวาดล้างจับกุม ขยายผล ทลายเครือข่ายอาวุธปืนผิดกฎหมาย รวมทั้งการลักลอบค้าปืนออนไลน์ พร้อมกำชับการจำหน่าย ทำลายอาวุธปืนของกลาง เพื่อป้องกันมิให้มีการนำเอาอาวุธปืนดังกล่าวกลับมาใช้ก่อเหตุในคดีอาญา หรือลักลอบจำหน่ายไปยังบุคคลไม่หวังดี ตกอยู่ในมือของคนร้าย รวมทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนด้วย อย่างไรก็ตาม การทำลายอาวุธปืนของกลาง เป็นเพียงหนึ่งในมาตรการปราบปรามอาวุธปืนผิดกฎหมายของ ตร. ที่ได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกมิติ ทั้งการระดมกวาดล้าง จับกุมแหล่งผลิต จำหน่าย โดยเฉพาะการลักลอบจำหน่ายออนไลน์ เมื่อจับกุมได้ให้ขยายผลดำเนินการกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังทุกราย รวมทั้งประสานฝ่ายปกครองในการเพิกถอนใบอนุญาต เพื่อแก้ปัญหาอาวุธปืนผิดกฎหมาย ไม่ให้นำมาก่อเหตุความรุนแรงในสังคม.

#ภาพ/ข่าวและเนื้อหานี้ เป็นการใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่องานประชาสัมพันธ์ ไม่แสวงหาผลกำไรในทางการค้า