พ่อร้องสื่อลูกชายพิการโดนทำร้ายกระดูกซี่โครงร้าวกรามร้าวเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมผู้ก่อเหตุเป็นลูกชายผู้นำชุมชน
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีนายสากล ศรีแก้วกุล อายุ 54 ปี และนางม้วย ศรีแก้วกุล อายุ 47 ปี อยู่ที่ตำบลโนนเมือง อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู ได้เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนแจ้งว่า บุตรชายของตนเองคือนายศราวุธ ฯ หรือน้องฟลุ๊ค อายุ 22 ปี เป็นผู้พิการทางสติปัญญา ตั้งแต่กำเนิด โดนลูกชายของผู้นำชุมชนทำร้ายร่างกายกระดูกซี่โครงร้าวกรามร้าว และบาดเจ็บที่บริเวณศรีษะ ผู้ก่อเหตุเป็นบุตรชายผู้กว้างขวางในพื้นที่ เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
โดยนายสากล ศรีแก้วกุล บิดาของผู้ถูกทำร้าย ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ในวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 20.30 น.ที่ในหมู่บ้านได้มีงานศพ และนายศราวุธฯบุตรชายของตนเอง ได้ออกไปช่วยงาน ที่บ้านงานศพโดยจะช่วยเก็บโต๊ะ เก็บเก้าอี้ ล้างจาน เป็นคนอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส และเป็นผู้พิการทางสติปัญญา ประเภทที่ 5 ตั้งแต่กำเนิด ต่อมาได้มีนายพงษ์ศักดิ์ฯ ได้ตรงเข้ามา ทำร้ายร่างกายจนสลบอาการสาหัส ได้ส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหนองบัวลำภู อยู่ 2 คืน กับอีก 3วัน พอกลับมาที่บ้าน มีญาติพี่น้องของฝ่ายผู้ที่ก่อเหตุ เป็นผู้นำชุมชน ได้เข้ามาพูดเจรจาไกล่เกลี่ยกัน ในเบื้องต้นแต่ไม่สามารถตกลงกันได้
ในวันนี้นายศราวุธฯ บุตรชายได้มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดกรามอ้าปากรับประทานอาหารไม่ได้ ตนเองจึงได้พาไปตรวจร่างกาย โดยในเบื้องต้นคุณหมอได้บอกว่านายศราวุธฯ บุตรชาย กระดูกซี่โครงร้าว และกรามร้าว ฟันบิ่น และมีฟันหัก 1 ซี่ บริเวณศีรษะน่าจะยังมีเลือดคลั่งอยู่ โดยนัดให้มาเอกซเรย์ศรีษะอีกครั้ง ที่โรงพยาบาลหนองบัวลำภู ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ตนเองก็มีฐานะยากจน มีรายได้จาก เงินค่าตอบแทน อสม.1,000 บาท เบี้ยคนพิการของลูกชาย 800 บาท ของภรรยาอีก 800 บาท รวมแล้ว 2,600 บาท
สุขภาพตนเองก็ไม่ค่อยดี แขนด้านขวาเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทำงานหนักก็ไม่ได้ จะเข้ามาหาหมอในเมืองแต่ละครั้งก็ลำบาก ไม่มีรถยนต์ โชคดีมีเพื่อนบ้านค่อยช่วยเหลือบ้าง และข้างบ้านคือนางตุ๊กตา ฯ เวลาไม่มีข้าวจะกิน ก็จะเอาข้าวมาให้กินตลอด จนบางครั้งตนเองก็เกรงใจ ส่วนนางม้วย ศรีแก้วกุล ภรรยาของตนเอง ก็เป็นผู้พิการทางด้านจิตใจ ประเภทที่ 4 พอหลังจากที่ทราบว่า บุตรชายโดนทำร้าย จนบาดเจ็บสาหัส จึงได้เกิดวูบเข้าโรงพยาบาลฯเจ็บป่วยไปอีกคน ตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ กับผู้สื่อข่าวช่วยเป็นสื่อกลางช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วย
ทางด้านนายชารี แพนพา อายุ 63 ปี เป็นข้าราชการครูเกษียณ ซึ่งได้มาช่วยงานศพ และได้เห็นเหตุการณ์ตอนที่มีการทำร้ายร่างกายกัน ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ในวันเกิดเหตุ หลังจากที่พระได้สวดอภิธรรมเสร็จ ตนเองได้เดินไปในครัวเพื่อจะไปเยี่ยมพูดคุยกับลูกศิษย์ ระหว่างนั้นเห็นนายศราวุธฯ ผู้บาดเจ็บ และเป็นผู้พิการทางสมอง ได้ถือเก้าอี้เดินเข้ามา และได้ยินเสียงตะโกนขึ้นมาว่า อย่ามานั่งตรงนี้ หลังจากนั้นจึงหันไปเห็นนายพงษ์ศักดิ์ ฯ ผู้ก่อเหตุได้ตบเข้าที่ใบหน้าของนายศราวุธฯ 2 ครั้งและใช้เท้าเตะเข้าที่หน้าอก 1 ครั้ง และเตะเข้าที่บริเวณลำคออีก 1 ครั้ง จนนายศราวุธฯ ได้หงายหลัง และล้มลงไปชักต่อหน้าต่อตาและสลบไป หลังจากก่อเหตุนายพงษ์ศักดิ์ ฯ ได้มองหน้าตน และเดินตาขวางสวนทางตัวเองออกไป ตนเองและผู้ที่มาช่วยงานได้ประสานรถกู้ชีพกู้ภัย นำนายศราวุธฯ นำส่งโรงพยาบาลโนนสัง แต่อาการสาหัส ได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลหนองบัวลำภู ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ดีกว่า
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถาม พ.ต.ท.นวัธนันต์ ฉ่ำแสง หัวหน้าสถานี สภ.โนนเมือง ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าหลังจากที่เกิดเหตุแล้ว ผู้ปกครองของนายศราวุธฯ ได้เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.โนนเมือง โดยในเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหา นายพงษ์ศักดิ์ ฯ อายุ 35 ปี ผู้ก่อเหตุว่า ทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ และขณะนี้ต้องรอใบตรวจร่างกายจากแพทย์ก่อนว่า มีอาการบาดเจ็บต่อเนื่อง และใช้เวลารักษาประมาณกี่วัน คงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป ขอให้สบายใจได้ว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่ โดยไม่ได้เกรงกลัวอิทธิพลของใครใดๆทั้งสิ้น และตนเองรับปากว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ข่าวคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป.
ภาพ/ข่าวและเนื้อหานี้ เพื่อกิจการสื่อมวลชน เป็นการใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่องานประชาสัมพันธ์ ไม่แสวงหาผลกำไรในทางการค้า. “ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”