รวบ 2 เยาวชนคึกคะนองลากแผงเหล็กกั้นกลางถนนรถยนต์ขับมาชนจนเกิดอุบัติเหตุ  

    

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับแจ้งมีรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ขับมาชนแผงเหล็กซึ่งมีคนร้ายลากมาขวางไว้กลางถนน ต่อมาได้มี สำนักปลัดงานป้องกันฯ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม ได้นำภาพกล้องวงจรปิด มาเผยแพร่เตือนภัยในกล้องเห็นเป็นชาย 2 คน ขับขี่มอเตอร์ไซค์มา และลากแผงเหล็กมีล้อเป็นแผงกัน ทางเข้าปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง บริเวณสามแยกจะเลี้ยวไปบ้านข้องโป้ ตำบลบ้านขาม อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ของวันที่ 15 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 22.40 น. และทำให้รถยนต์วิ่งมาชนได้รับความเสียหาย โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ก่อเหตุเสร็จชายทั้ง 2 คนได้ขับรถมอเตอร์ไซค์หลบหนีไป 

    หลังจากนั้น พ.ต.อ.กฤติเดช ปทุมาพัฒนานนท์ ผกก.สภ.เมืองหนองบัวลำภู ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน เช็คกล้องวงจรปิด และออกติดตามคนร้าย  ต่อมา พ.ต.ท.เจษฎา ศรีกวนชา รอง ผกก.สส.สภ.เมืองหนองบัวลำภู พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองหนองบัวลำภู ร่วมกันสืบหาตัวผู้ก่อเหตุ จนพบคือ 1.นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี  2.นายบี (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี พร้อมด้วยของกลาง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟิน สีขาวดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจำนวน 1 คัน โดยได้นำตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมผู้ปกครอง มาที่ สภ.เมืองหนองบัวลำภู

      โดยนายเอ และนายบี อายุ 14 ปี ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองขับรถจะกลับบ้าน พอมาถึงจุดดังกล่าว จึงเกิดความคึกคะนอง ไปเห็นแผงเหล็กซึ่งมีล้อเข็นได้ อยู่ที่บริเวณทางเข้าปั๊มน้ำมัน ซึ่งขณะนั้นปั๊มน้ำมันได้ปิดบริการไปแล้ว จึงลากมาขวางที่กลางถนน  จากนั้น ร.ต.อ.สุรชาติ ไชยทองรัตน์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองบัวลำภู ได้ติดต่อเจ้าของรถยนต์คันที่ประสบอุบัติเหตุ โดยผู้ปกครองของเด็ก 14 ปี ได้ตกลงชดใช้ค่าซ่อมรถให้ และเจ้าของรถยนต์ไม่ติดใจเอาความ  

     ส่วนทางคดี พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา มาตราที่ 229 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ ให้ทางสาธารณะอยู่ในลักษณะ อันเป็นเหตุ ให้เกิดอันตรายแก่การจราจร ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน เป็นเยาวชนจึงได้ให้ผู้ปกครองเซ็นบันทึก รับตัวกลับบ้านไปก่อน และจะได้เรียกมาสอบปากคำ ต่อหน้าสหวิชาชีพ และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.

ภาพ/ข่าวและเนื้อหานี้ เพื่อกิจการสื่อมวลชน เป็นการใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่องานประชาสัมพันธ์ ไม่แสวงหาผลกำไรในทางการค้า. “ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”