ตำรวจศรีบุญเรืองรวบชาย 32 ปีเมายาบ้าขโมยรถจักรยานยนต์กล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ชัดเจน   

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รับแจ้งมีเหตุชายอายุ 32 ปี ลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ ที่ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. ศรีบุญเรือง ออกติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ และนำรถจักรยานยนต์ ที่โดนขโมยไปส่งคืนเจ้าของ

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบพบ นางสาวพรศิริ ตะสีนวล อายุ 29 ปี อยู่ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเองเปิดร้านตัดผมอยู่ที่ตลาดริมถนนทางจะไปอำเภอชุมแพ ห่างจากโรงเรียนบ้านนาดีคุรุราษฎรบำรุง ประมาณ 100 เมตร ในคืนวันเหตุ เวลา 02.20 น. มีคนร้ายเป็นชายขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง มาจอดที่บริเวณหน้าบ้าน และได้มาเข็นรถจักรยานยนต์ของตนเอง ยกขึ้นรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง และได้ขับหลบหนีไป ตนเองมาทราบเรื่อง ช่วงเช้า เวลา 08.00 น. ตนลุกขึ้นมาเปิดร้าน จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. ศรีบุญเรือง

 ต่อมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว ทราบชื่อว่าคือนายกล้าณรงค์ ฯ อายุ 32 ปี เป็นชาวอำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู และให้ตนเองไปรับรถจักรยานยนต์ที่โดนขโมยกลับไปได้ ตนเองต้องขอกล่าวขอบคุณ และชมเชยเจ้าที่ตำรวจ สภ. ศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ที่สามารถติดตามคนร้ายที่ขโมยรถจักรยานยนต์ของตน กลับมาคืนให้ เพราะตอนแรกคิดว่าคงจะไม่ได้คืนแล้ว

  ทางด้าน พ.ต.อ สุมิตร นันสถิตย์  ผกก.สภ.ศรีบุญเรือง ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากรับแจ้งเหตุ จึงได้ให้พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวออกติดตามไล่ล่าคนร้าย และในที่สุดก็สามารถจับกุมคนร้ายได้คือนายกล้าณรงค์ ฯ อายุ 32 ปี  ซึ่งตนเองเห็นว่าความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจะรอไม่ได้ ถ้าเกิดเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ จะต้องรีบลงไปดำเนินการ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทันที่ ในเบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหา นายกล้าณรงค์ ฯ ว่าลักทรัพย์ในเวลากลางคืน,และเสพสารเสพติดให้โทษ ประเภท 1 ( ยาบ้า )โดยผิดกฎหมาย นำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดหนองบัวลำภู ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.

ภาพ/ข่าวและเนื้อหานี้ เพื่อกิจการสื่อมวลชน เป็นการใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่องานประชาสัมพันธ์ ไม่แสวงหาผลกำไรในทางการค้า. “ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”