รวบคนร้ายกำลังขโมยตัดสายไฟฟ้าส่องสว่างริมถนนสายหนองบัวลำภูไปอุดรธานีสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ใช้รถ   

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งจากผู้นำชุมชนฝ่ายปกครอง ตำบลโนนทัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ว่าจับกุมคนร้ายขณะกำลังลักลอบตัดสายไฟฟ้าอยู่ที่ริมถนนหนองบัวลำภู - หนองวัวซอ บริเวณข้างโรงเรียนบ้านโนนทัน ตำบลโนนทัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู จากนั้น นายประสิทธิ์ มหาวงศ์ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดหนองบัวลำภู หัวหน้าชุดปฎิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน ( อส.) รุดไปตรวจสอบ

 ในที่เกิดเหตุพบนายสุตรี ฯ อายุ 34 ปี เป็นราษฎร ตำบลโนนทัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ภายในรถพบอุปกรณ์งัดแงะ คีมตัดสายไฟฟ้า ไขควง มีดคัตเตอร์ และอีกหลายรายการ  นายสุตรี ฯ ได้รับสารภาพว่าตนเองเสพยาบ้ามาจำนวน 2 เม็ด  เบื้องต้นตรวจพบว่าปัสสาวะเป็นสีม่วง และเคยต้องโทษถูกจองจำมาแล้วประมาณ 2 ปี วันนี้ตนเองขับรถผ่านมา พอมาถึงจุดเกิดเหตุเห็นสายไฟฟ้าโผล่ขึ้นมา จึงใช้ไม้งัดสายไฟโดยใช้แท่งคอนกรีตรองด้านล่าง กำลังจะตัด และนำสายทองแดงด้านในไปขาย แต่มาโดนเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเห็น และจับกุมเสียก่อน ซึ่งตนเองได้ลงมือก่อเหตุเป็นครั้งแรก แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ

  โดยนายประสิทธิ์ มหาวงศ์ หัวหน้าชุดปฎิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวว่าที่ผ่านมาถนนสาย 210 จากจังหวัดอุดรธานี มาจังหวัดหนองบัวลำภู ช่วงระหว่างตำบลโนนทัน มีการรับแจ้งว่าสายไฟฟ้าส่องสว่างข้างถนน ซึ่งเป็นของแขวงทางหลวงหนองบัวลำภู ทั้ง 2 ฝั่งถูกคนร้ายขโมยตัด ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดเส้นทาง ถนนเส้นดังกล่าวเป็นเส้นสำคัญที่พี่น้องใช้สัญจรไปมาแต่ละวันเป็นจำนวนมาก ช่วงกลางคืนไฟฟ้าส่องสว่างดับทำให้รถที่สัญจรไปมาขับขี่ลำบาก

และที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง ทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ในครั้งนี้ทางฝ่ายปกครอง จึงได้วางแผนให้ชุดคุ้มครองหมู่บ้าน และผู้นำชุมชน ออกขับรถตระเวนตามเส้นทางดังกล่าว จนในที่สุดสามารถจับกุมคนร้ายรายนี้ไว้ได้ ต่อมาจึงได้นำตัวผู้ก่อเหตุ ส่งชุดสืบสวนเมืองหนองบัวลำภู เพื่อจะขยายผลหาเพื่อนร่วมแก๊งค์ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

 

ภาพ/ข่าวและเนื้อหานี้ เพื่อกิจการสื่อมวลชน เป็นการใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่องานประชาสัมพันธ์ ไม่แสวงหาผลกำไรในทางการค้า. “ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”